วันหนึ่ง “แสนธรรมดา”
การดำเนินชีวิตในโลกสีเทาหม่นใต้ท้องฟ้าสีครามใบนี้มันช่างน่าเบื่อหน่าย เหล่าผู้คน ปัญหารถติด เเดดที่ร้อนจัด ฝนที่ตกตอนเลิกงานเสมอ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราอยากมองข้ามเเละหลีกหนีไปให้พ้น จนกระทั่งครั้งหนึ่งเราถูกพรากมันออกไปจริง ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อภาวะการดำรงอยู่ของเราเปลี่ยนเเปลงไปจากเดิม น่าตลกที่เรากลับโหยหาโลกกลางเเจ้งเเสงเเดดอันร้อนระอุในวันที่เเสนธรรมดา เเละความวุ่นวายเหล่านั้นที่เจอในเเต่ละวัน ฉันพึ่งรู้ว่า เรื่องราวมากมาย ความสุข ความสนุก ความเศร้า ความผิดหวัง เกิดขึ้นในวันอันเเสนธรรมดาทั้งสิ้น สิ่งที่เราไม่คาดคิดปัจจัยรอบตัวเราส่งผลเเบบ “ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก” เป็นตัวกำหนดเรื่องราวของวันเหล่านั้นในเเบบที่มันควรจะเป็นอยู่เเล้ว สุดท้ายถึงจะอย่างไรความหมายของการมีอยู่ก็คงเป็นการที่เราได้ดำรงอยู่ไปพร้อม ๆ กับ คนรอบข้าง เเสงเเดด สัตว์โลก เเละวันธรรมดา ที่มีเครื่องดื่มสีทองอำพันหลังจากเผชิญความวุ่นวายมาทั้งวัน
วันหนึ่ง “แสนสาหัส”
ฉันเริ่มทบทวนตัวเองอีกครั้ง หลังจากผ่านวันที่แสนหนักหน่วงในโลกสีเทาหม่นใต้ท้องฟ้ายามวิกาล การกลับมาสำรวจจิตใจที่ผ่านมาบนความสุขและความทุกข์จึงเริ่มขึ้น นำมาสู่ความสนใจที่อยากจะทำความเข้าใจใหม่ภายในตนเองอีกครั้ง “ผ่านวัตถุที่จัดเก็บความสุขในวัยเยาว์” ที่จัดวางไว้ให้ฉันพิจารณาในประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การพบพานสังคมที่หมุนไปด้วยแรงเหวี่ยงที่รวดเร็ว ผู้คน ร่วมถึงการค้นหาความสำเร็จ และการหาความหมายของการใช้ชีวิตที่ถูกต้องยังคงคลุมเครือ ความไม่ชัดเจนที่สอดคล้องไปถึงเรื่องของความไม่มั่นคงทางสภาวะจิตใจ ความลังเล และความไม่แน่ไม่นอนของชีวิตในแต่ละวัน การสำรวจนี้ทำให้ฉันเข้าใจตัวเองในวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย และยังจะคอยเพียรระลึกถึงความเยาว์ที่เป็นดั่งเพื่อนที่คอยปลอบประโลมฉันในวันที่โลกไม่ได้ใจดีกับเราในทุก ๆ วัน และปล่อยให้เครื่องดื่มคาเฟอีนสีดำต้นเริ่มวันใหม่
information provided by event organizer